ACT4DEM’s Letter to the Government of Finland – จดหมาย ACT4DEM ถึงรัฐบาลฟินแลนด์

20 กันยายน 2021

นายกรัฐมนตรี, Sanna Marin 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ, Pekka Haavisto

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการจ้างงานและการเศรษฐกิจ, Mika Lintilä

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, Li Andresson 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, Anna-Maja Henriksson

เรื่อง  ความจำเป็นที่จะต้องทบทวนความสัมพันธ์ของฟินแลนด์กับรัฐบาลเผด็จการไทย

เรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกท่าน

ตลอด 15 ปีที่ผ่านมาในประเทศไทย นับตั้งแต่รัฐประหาร 2549 ประชาชนชาวไทยต่างก็เผชิญกับความทุกข์ยากกับคุณภาพชีวิตที่ตกต่ำย่ำแย่ลงเรื่อยๆ รวมทั้งต้องอยู่ในความหวาดหวั่นถึงหายนะอันเกิดจากระบอบประชาธิปไตยที่ติดลบลงเรื่อยๆ ทั้งนี้เป็นผลมาจาก:

  • รัฐประหาร 2 ครั้ง
  • รัฐธรรมนูญของทหาร 2 ฉบับ
  • ศาลรัฐธรรมนูญของทหารที่ได้ทำการ ยุบพรรคการเมือง 16 พรรค ห้ามนักการเมืองกว่า 200 คนจากการลงสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี และตัดสินปลด 4 นายกรัฐมนตรี 
  • จำนวนตัวเลขหนี้สาธารณะของประเทศไทยเพิ่มขึ้นถึงสามเท่า เพราะคอรัปชั่นและการไร้ศัยกภาพในการบริหารบ้านเมือง

15 ปีภายใต้วิถีเผด็จการทหาร ที่เต็มไปด้วยการปิดกั้นและคุกคามเสรีภาพทางการเมือง ทำให้เกิดความยากลำบากทางเศรษฐกิจของผู้คนทั่วประเทศอย่างที่ควรจะต้องเกิดขึ้นเลย มันยังส่งผลให้เกิดการผลักแรงงานให้ดิ้นรนไปทำงานต่างประเทศกันมากขึ้น ซึ่งจริงๆ แล้วมันเริ่มลดลงในช่วงก่อนรัฐประหาร 2549

ความอดทนอดกลั้นของประชาชน ที่มีต่อรัฐบาลที่รวมศูนย์กลางการแห่งนโยบายไว้ที่สถาบันกษัตริย์ และความหวาดหวั่นถึงอนาคตอีกยาวนานที่จะต้องอยู่ในความมืดมนและสิ้นหวัง ภายใต้การปกครองอีกยาวของเผด็จการทหารรักษาพระองค์ ก็มาถึงจุดเดือดจนได้

จากการเห็นสภาพการณ์ในประเทศ และความคับแค้นใจที่เพิ่มสูงขึ้นของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นมา เยาวชนชาวไทยทั้งประเทศ ได้รวมตัวกันและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อส่งเสียงแห่งความไม่พอใจที่มีต่อทั้งเผด็จการทหาร และต่อความไม่แยต่อสิ่งใดของสถาบันกษัตริย์  พวกเขาได้เรียกร้องให้ผู้นำประเทศแสดงความเคารพต่อเสรีภาพ ความเสมภาค ความยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน 

กษัตริย์คนใหม่ได้เดินทางกลับประเทศไทยเมื่อเดือนตุลาคม 2563 หลังจากใช้เวลา 4 ปีในฐานะกษัตริย์ในประเทศเยอรมนี มีบางคนได้เริ่มหวังว่าเขาจะฟังเสียงของประชาชน แต่กษัตริย์ก็ได้แสดงให้เห็น และยังคงแสดงให้เห็นต่อเนื่อง ว่าเขาไม่มีความจริงใจที่จะฟังเสียงหรือจะเคารพความหวังและความต้องการซึ่งประชาธิปไตยของประชาชน ในทุกวันนี้ รัฐบาลของกษัตริย์ตำรวจของกษัตริย์ ทหารของกษัตริย์และกองกำลังจัดตั้งเสื้อเหลืองของกษัตริย์ ได้ทุบตีทำร้าย จับกุมคุมขัง ยัดข้อหา ส่งผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ยืนหยัดเพื่อประชาธิปไตยเข้าไปสู่ห้องขัง การฉีดน้ำปนเปื้อนสารเคมี แก๊ซน้ำตา กระสุนยาง ได้กลายเป็นรูปแบบปฏิบัติเพื่อใช้ปิดกั้นพลังของยาวชน 

ผลประโยชน์ที่ประเทศฟินแลนด์ได้รับจากคนงาน 40 000 คน ที่ถูกนำเข้ามาโดยอุตสาหกรรมเก็บเบอร์รี่ป่าตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา เป็นการกินแรงบนหลังของผู้คนที่อยู่ในวิถีประชาธิปไตยติดลบในประเทศไทย การแกล้งทำเป็นว่าวิถีธุรกิจแบบนี้ สามารถถูกจัดให้อยู่ในรูปแบบการให้ความช่วยเหลือทางการเงินระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนา เป็นการหลอกตัวเอง การเอาเปรียบเกษตรกรรายย่อยที่ยากจนอยู่แล้ว ยิ่งส่งเสริมให้มีการดำรงไว้ซึ่งวิถึสองมาตรฐาน ยิ่งไปรองรับความชอบธรรมของคณะเผด็จการทหารของราชสำนัก ที่ไม่มีความสนใจในประชาธิปไตย และเห็นว่าความทุกข์ยากของคนไปทำงานต่างประเทศเป็นผลที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อุตสาหกรรมเบอร์รี่ป่าของฟินแลนด์ ได้ฟื้นตัวได้สำเร็จจากหยาดเหงื่อแรงงานของคนยากคนจนจากประเทศไทย ซึ่งไม่มีทางที่จะกระทำได้อย่างต่อเนื่อง ถ้าไม่มีรัฐประหารในปี 2549 และ 2557 ประเทศฟินแลนด์ ไม่จำเป็นที่จะต้องขายศักดิ์ศรีไปกับเงินไม่กี่ร้อยล้านยูโรที่นำมาจากเกษตรกรรายย่อยชาวไทย

อีกครั้งหนึ่งแล้ว ที่ประชาชนชาวไทย ได้ต่อสู้ด้วยชีวิต เพื่อต่อต้านระบอบเผด็จการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยความฝันถึงการวางระบอบรัฐสวัสดิการแบบเดียวกับที่ ชาวฟินน์ต่อสู้กับระบอบของพระเจ้าซาร์จนได้มา  

ในฐานะสมาชิกของกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ฟินแลนด์สามารถที่จะพิจารณาจริงจังมากขึ้น ดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อการแสวงหาแนวทางที่จะส่งผลอย่างแท้จริง และทำหน้าที่ผู้ประสานให้เกิดกระบวนการสร้างความเข้มแข็งของประชาธิปไตยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เยาวชนชาวไทยต้องการทั้งการยอมรับและการสนับสนุนในการต่อสู้เพื่อยับยั้งการเจริญเติมโต้ของวิถีฟาซซิสต์  มีหนทางและวิถีทางที่ดีกว่า และจะต้องคิดหาหนทางที่ดีกว่าเหล่านี้ เพื่อดำเนินมาตรการที่จะหยุดยั้งพลเอกประยุทธ์และประมุขของชาติไทย จากการใช้ความรุนแรง จากการใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแบบหว่านแหและแกว่งกระบองไปทั่ว เพื่อคุมขังคนหนุ่มสาวที่เพียงแค่เรียกร้องซึ่งสิทธิขั้นพื้นฐานกันแบบนี้

ประเทศฟินแลนด์ ตระหนักดีต่อสิ่งที่เขียนมาข้างต้นนี้ สาธารณรัฐฟินแลนด์มีข้อตกลงทวิภาคีกับราชอาณาจักรไทย ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับชาวฟินน์หลายพันคน พวกเขาเหล่านั้นจะทำอะไรได้บ้าง รัฐบาลจะส่งข้อความไปยังเยาวชนชาวไทย และชาวฟินน์หลายพันคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียในข้อตกลงความสัมพันธ์ทวิภาคีกับประเทศไทยได้อย่างบ้างบ้าง จะมีหนทางและวิถีทางใดที่กระทำได้บ้างโดยผ่านทางเครือข่ายต่างๆ เหล่านี้ ที่จะทำให้รัฐบาลฟินแลนด์ และผู้ห่วงใยทุกฝ่าย จะสามารถสนับสนุนกลุ่มเยาวชนที่กล้าหาญฉลาดหลักแหลม มีวิสัยทัศน์ที่กำลังต่อสู้กับระบอบเผด็จการในประเทศไทยอยู่ในขณะนี้  

ด้วยความเคารพ

จรรยา ยิ้มประเสริฐ

ประธาน ACT4DEM ry

————+

Pääministeri Sanna Marin 

Ulkoministeri Pekka Haavisto

Mika Lintilä Elinkeinoministeri Mika Lintilä

Opetusministeri Li Andersson

Oikeusministeri Anna-Maja Henriksson

20. syyskuuta 2021

Suomen ja Thaimaan sotilashallinnon välisten suhteiden uudelleenarvioimisen tarpeesta

Arvon pääministeri ja ministerit,

Viimeisen 15 vuoden aikana Thaimaassa, vuoden 2006 sotilasvallankaappauksesta alkaen,  on kansan elintaso laskenut jyrkästi. Yhtaikaisesti demokratiavaje on kasvanut huolestuttavissa määrin.

Nämä molemmat ovat seurausta:

    • Kahdesta sotilasvallankaappauksesta.
    • Kahdesta armeijan sanelemasta perustuslaista.
    • Armeijan nimittämästä perustuslakituomioistuimesta, joka on hajottanut 16 puoluetta, evännyt yli kahdensadan poliitikon osallistumisoikeuden vaaleihin kymmeneksi vuodeksi ja sulkenut virasta neljä pääministeriä.
    • Hallinnollisesta epäpätevyydestä ja kasvavasta räikeästä korruptiosta johtuvasta valtionvelan kolminkertaistumisesta.

Sotilasjunttien viimeisen viidentoista vuoden aikainen poliittisten oikeuksien tukahduttaminen on aikaansaanut tarpeettomia taloudellisia vaikeuksia. Se myös on vahvistanut jälleen työperäistä maastamuuttoa, joka oli laskusuunnassa ennen vuoden 2006 sotilasvallankaappausta.

Tietoisuuden lisääntyessä kansan kärsivällisuus on loppumassa hallinnollista päätösvaltaa itselleen keskittävään monarkiaan ja tämän enteilemään pelottavaan dystooppiseen tulevaisuuteen pitkäaikaisen rojalistisen sotilasdiktatuurin alla.

Näiden havaintojen ja tuntemusten vallatessa alaa varttuvan sukupolven sydämissä on Thaimaan nuoriso helmikuusta 2020 alkaen kautta maan – joukkomitalla ja enemmän tai vähemmän spontaanisti – alkanut protestoida sotilasdiktatuuria ja monarkian vieraantunutta turtuneisuutta vastaan vaatien vapauden, tasa-arvon, oikeudenmukaisuuden ja ihmisoikeuksien kunnioittamista.

Thaimaan nykyinen kuningas palasi maahan lokakuussa 2020 elettyään kuninkuuttaan neljä vuotta ylellisyydessä Saksassa. Jotkut olivat toivoneet, että uusi kuningas saattaisi kuunnella kansan ääntä, mutta hän on osoittanut ja osoittaa yhä mitä selkeimmin, ettei hänellä ole mitään aitoa aikomusta kuulla tai kunnioittaa kansan demokraattisia toiveita ja pyyteitä. Nyt kuninkaan hallitus, kuninkaan poliisi, kuninkaan armeija ja kuninkaan univormuiset paramilitaarijoukot pieksävät, pidättävät, syyttävät ja sysäävät vankilaan yhä useampia niistä, jotka puolustavat demokratiaa. Kemiallisesti terästettyä vettä sylkevistä vesitykeistä, kyynelkaasusta ja kumiluodeista on tullut käytäntöä kuninkaan hallinnolle sen pyrkiessä tukahduttamaan nuorisoa.

Suomen metsämarjateollisuutensa tarpeisiin 2007 alkaen maahantuomasta 40 000 marjanpoimijasta saama liikevoitto on rakentuu  Thaimaan kasvavan demokratiavajeen varaan. Sen teeskenteleminen, että tämänkaltaista liiketoimintaa voitaisiin pitää jonakin kehitysapuun rinnastettavana, on petosta. Köyhtyneiden pienviljelijöiden hyväksikäyttäminen vain kannustaa niiden kaksoisstandardien ylläpitämiseen, jotka kiillottavat sotilaalliskuninkaallisen yhteenliittymän uskottavuutta – yhteenliittymän, joka ei ole lainkaan kiinnostunut demokratiasta, ja jolle siirtotyöläisten kärsimys on vain sivuseikka.  Suomen metsämarjateollisuuden elpyminen Thaimaan köyhien hiellä ei olisi ollut mahdollista ilman vuosien 2006 ja 2014 vallankaappauksia. Suomen ei kuitenkaan tarvitse myydä rehellisyyttään vaivaisesta 100 miljoonasta thaipienviljelijöiltä anastetusta eurosta.

Thaimaan kansa taistelee jälleen kerran itsevaltaista monarkismia vastaan haaveenaan se yhteiskunnallinen hyvinvointi, jonka suomalaiset toteuttivat kamppailtuaan tsarismin rippeitä vastaan.

Euroopan unionin jäsenenä Suomi voi etsiä hanakammin ja proaktiivisemmin keinoja tullakseen aidommin tehokkaaksi välittäväksi toimijaksi demokratian edistämisessä Kaakkois-Aasiassa. Thaimaan nuoriso tarvitsee tunnustusta ja tukea vaatimuksilleen fasismin kasvun pysäyttämiseksi. Parempi suunta ja paremmat keinot ovat olemassa, niitä täytyy etsiä nyt, proaktiivisesti, voidaksemme estää kenraali Prayuthia ja valtionpäämiestämme käyttämästä lyömäneuvoinaan väkivaltaa ja majesteettirikossyytöksiä, ja vangitsemasta nuorisoamme, joka ainoastaan penää perusoikeuksiaan.

Suomi tietää kaiken edellä todetun. Tasavalta on kahdenvälisessä suhteessa Thaimaan kuningaskunnan kanssa, ja tällä on vaikutusta tuhansiin Suomen kansalaisiin. Mikä täten voisi olla, ja tulisi olla Suomen hallituksen viesti Thaimaan nuorisolle ja myöskin niille tuhansille suomalaisille, jotka ovat sitoutuneet näiden kahdenvälisten suhteiden edelleen kehittämiseen? Mitkä ovat ne olemassa olevat väylät ja keinot, jotka, kaikkien näiden yhteyksien kautta, mahdollistavat Suomen hallituksen ja kaikkien asianosaisten tuen Thaimaan rohkealle, älykkäälle, johdonmukaiselle ja luovalle nuorisolle heidän kamppailussaan itsevaltiutta vastaan?

Vilpittömästi ja kunnioittaen,

Junya Yimprasert, 

puheenjohtaja, ACT4DEM

————–+

Prime Minister, Sanna Marin 

Minister of Foreign Affairs, Pekka Haavisto

Minister of Economic Affairs, Mika Lintilä

Minister of Education, Li Andresson 

Minister of Justice, Anna-Maja Henriksson

20 September 2021

On the need to rethink the relationship between Finland and the military regime in Thailand 

Dear Prime Minister and Ministers,

In Thailand, over the last 15 years, since the 2006 military coup, Thai people have suffered a drastic decrease in their standard of living alongside a frightening increase in the democracy deficit.

Both are the result of:

    • 2 military coups;  
    • 2 military dominated constitutions; 
    • a military-appointed constitutional court that has dissolved 16 political parties, banned over 200 politicians from participating in elections for 10 years and disqualified 4 Prime Ministers; 
    • a tripling of the national debt through governmental incompetence and increasing gross corruption. 

The last 15 years of suppression of political rights by military juntas has produced completely unnecessary levels of economic hardship. It has also revived outbound labour migration, which was in decline before the military take-over in 2006.

The patience of the people with the centralisation of governmental decision-making around the monarchy itself, and their rising awareness and fear of a dystopian future under long-term, royalist, military dictatorship is reaching boiling-point.

With these observations and feelings rising in the hearts of the up-coming generation, since February 2020 the youth of Thailand has, nation-wide, collectively and more or less spontaneously, started to cry-out against both the military dictatorship and the alienated insensitivity of the monarchy, demanding respect for liberty, equality, justice and human rights. 

The new king returned to Thailand in October 2020 after 4 years of life in luxury as a king in Germany. Some people had hoped that he might listen to the voice of the people, but he has demonstrated, and continues to demonstrate in no uncertain terms, that he has no real intention to listen to or respect their democratic hopes and aspirations. Today the King’s government, the King’s police, the King’s army and the King’s uniformed paramilitary forces are beating-up, arresting, charging and sending to prison increasing numbers of those who stand for democracy. The use of chemically-spiked water-canon, tear gas and rubber bullets has become the norm for the royal regime in its attempt to suppress the youth.

The profit that Finland has taken from the 40 000 workers that it has imported into the forest-berry industry since 2007 rides on the back of the growing democracy deficit in Thailand. Pretending that this form of business can be classed as or alongside overseas development aid is a deception. Exploiting impoverished small farmer’s only encourages the perpetuation of double-standards that burnish the credibility of a militarised royal consortium that has no interest in democracy and regards the pain of migrant workers as legitimate collateral. The Finnish forest-berry industry’s revival from the sweat off the backs of poor people in Thailand would not have been possible without the military coups in 2006 and 2014. Finland does not need to sell its integrity over the counter for few 100 million Euro taken from Thai small farmers.

Thai people are once again fighting with their lives against autocratic monarchism for the dream of social welfare that Finns brought to reality through their struggle against the remnants of tsarism. 

As a member of the European Union, Finland can look harder, more pro-actively, for ways to become more truly effective as a facilitator of democracy in South-east Asia. The youth of Thailand needs recognition and support for their demands to halt the growth of fascism. Better ways and means exist, must be looked for now, pro-actively, to stop General Prayuth and the Head of State from using violence, from wielding the laws of lèse majesté like a truncheon, from jailing young people who are simply requesting their basic rights. 

Finland knows all that is written above. The Republic has a bilateral relation with the Kingdom of Thailand that involves thousands of Finnish citizens. What then could be, and should be, the message from the Finnish government to the youth of Thailand and, also, to the thousands of Finns engaged in developing the bilateral relationship? What are the ways and means that do exist,  through all these connections, that will enable the government of Finland, and all concerned, to support more effectively the brave, intelligent, coherent and imaginative youth in Thailand in their struggle against autocracy.

Yours sincerely and respectfully,

Junya Yimprasert 

Chairwoman, ACT4DEM ry

Email: act4dem@protonmail.com