ที่มา Nouvelle disparition d’un critique du pouvoir thaïlandais en exil
อีกครั้งกับการหายตัวไปของผู้ลี้ภัยชาวไทย จากการวิพากย์วิจารณ์รัฐบาลและสถาบันฯ
นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองสนับสนุนประชาธิปไตย ผู้ประนามรัฐบาลและสถาบันฯ ได้ถูกอุ้มหายตัวไปที่กรุงพนมเปญ ซึ่งนับเป็นเหยื่อคนที่เก้านับตั้งแต่ปี 2559
หน้าสถานทูตกัมพูชาแห่งประเทศไทย ที่กรุงเทพฯ วันที่ 8 มิถุนายน 2563 หนึ่งในผู้ประท้วงถือรูปนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมทางการเมืองของประเทศไทย ถึงถูกอุ้มหายตัวไปสี่วันที่ผ่านมา
การลักพาตัว นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ หรือ ต้าร์ โดยกลุ่มคนติดอาวุธ เกิดขึ้นที่กรุงพนมเปญ วันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งทำให้เกิดกระแสอย่างกว้างขวางในบรรดาผู้สนับสนุนประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย
การชุมนุมได้มีขึ้นในวันที่ 5 และ 6 มิถุนายน ที่ผ่านมา ทั้งในกรุงเทพฯและจังหวัดอื่นๆ โดยมีการวางดอกไม้ที่รูปของนายวันเฉลิม มีกลุ่มผู้ชุมนุมมาชุมนุมหน้าสถานทูตกัมพูชาแห่งประเทศไทยที่กรุงเทพฯ เพื่อเรียกร้องให้มีการสืบสวนในกรณีนี้ นายวันเฉลิมเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม “คนเสื้อแดง” ซึ่งได้เกิดขึ้นในปี 2549 หลังการทำรัฐประหารต่อรัฐบาลของนายกทักษิน ชินวัตร ซึ่งนายวันเฉลิมได้ลี้ภัยไปอยู่ที่กัมพูชาตั้งแต่หลังการรัฐประหารอีกครั้งในปี 2557
ในขณะที่กำลังรออาหารที่สั่งไว้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักของตน ได้มีกลุ่มชาย 3 คนออกมาจากรถคันหนึ่ง โดยจากคำให้การณ์ของพยานซึ่งสอบสวนโดยองกรณ์ Human Rights Watch ยืนยันว่ากลุ่มคนลงมือเป็นเป็นกลุ่มคนติดอาวุธ
ได้จับตัวเขาขึ้นรถไป ซึ่งในขณะนั้นเขากำลังคุยโทรศัพท์กับพี่สาวอยู่ ซึ่งพี่สาวกล่าวว่าได้ยินเสียงน้องชายร้องว่า ซึ่งเป็นเสียงที่เปล่งออกไปในโซเชี่ยลมีเดีย เปรียบเหมือนกับ“i can’t breathe”ของ George Floyd แห่งเมืองไทย
การหายตัวไปของวันเฉลิมเกิดขึ้นหนึ่งปีให้หลังจากการที่มีนักเคลื่อนไหวทางการเมืองสามคนที่ลี้ภัยไปที่ประเทศลาว จนไปถึงเวียดนามซึ่งเป็นที่ที่พวกเขาถูกจับและถูกส่งตัวกลับประเทศไทยอย่างลับๆ ครอบครัวของพวกเขาไม่ได้รับข่าวจากพวกเขาอีกเลยแม้จะมีการร้องขอไปยังเจ้าหน้าที่หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งสุดท้ายแล้วในปี 2561ได้พบซากศพของพวกเขาเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้รับการระบุตัวตนอย่างเป็นทางการ ซึ่งสภาพศพนั้นถูกยัดไปด้วยปูน และถูกพบในแม่น้ำแม่โขง วันเฉลิมเป็นเหยื่อคนที่ 9 ตามคำกล่าวขององกรณ์ Human Rights Watch ที่ถูกทำให้หายตัวไป นับตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งเป็นปีของกษัตริย์องค์ใหม่
ในวันอังคารที 9 มิถุนายน โฆษกตำรวจของกำพูชาได้ออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นผู้จับกุมตัวนายวันเฉลิม ส่วนตำรวจไทยก็ยืนยันว่าไม่มีข้อมูลที่อยู่ของนายวันเฉลิม ในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยก็บอกปัดว่ามีอำนาจทำได้แค่การขอข้อมูลมาจากสถานทูตไทยในกัมพูชาเท่านั้น
การปฏิเสธและทำไม่รู้ไม่เห็นเหล่านี้ถูกนำไปล้อเลียนบนโซเชียลมีเดียและโดยนักกิจกรรมที่สงสัยว่าเหตุการณ์นี้น่าจะเป็นการดำเนินการโดยหน่วยทหารพิเศษ
การเลือกตั้งทั่วไปในเดือนมีนาคม 2562 ได้ถูกจัดขึ้นในที่สุด เพื่อยุติบทบาทของรัฐบาลเผด็จการที่เป็นผลพวงมาจากการรัฐประหารในปี 2557 แต่ถึงกระนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ที่เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารก็ได้รับเลือกมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หลังจากการเลือกตั้งที่มีบัตรเสีย และความผิดปกติมากมาย ทั้งนี้รัฐมนตรีหลายคนยังเป็นอดีตนายพลอีกด้วย ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่าเสรีภาพของพลเมืองและฝ่ายค้านยังคงถูกควบคุมอย่างเข้มงวด
แต่สิ่งเหล่านี้กำลังถูกฟื้นฟูในประเทศไทย นอกจากกระแสการต่อต้านที่แข็งแกร่งต่อเผด็จการทหารแล้ว แม้แต่กระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ก็ถูกทำอย่างเปิดเผยมากขึ้นเรื่อยๆต่อการออกนอกลู่นอกทางของกษัตริย์วชิราลงกรณ์ที่อาศัยอยู่ที่เยอรมัน ในช่วงวิกฤติโควิด อย่างสุขสบายจากรายได้ของชาติ ทั้งยังถูกปกป้องจากพวกนายพลที่สนับสนุนสถาบัน และกฏหมายหมิ่นฯที่มีโทษหนักถึงการถูกจำคุก15ปี
วันเฉลิมเป็นที่รู้จักในเรื่องของการวิพากย์วิจารณ์แบบเสียดสีในเพจเฟสบุคของเขา เขาเป็นหนึ่งในหลายๆคนที่ถูกเรียกตัวไปปรับทัศนะคติในปี 2557 และต่อมาในปี 2561 เขาได้ถูกออกหมายจับในข้อหาทำผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ “การเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ“ ทั้งนี้ทางทหารและตำรวจท้องถิ่นได้สมรู้ร่วมคิดกันกล่าวหาว่าเขาเป็นผู้ค้ายาเสพติดอีกด้วย
เพื่อนของเขาคนหนึ่งในกรุงเทพฯ ที่ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนได้บอกเล่าว่า “วันเฉลิมรู้เรื่องราวหลายๆอย่าง ทั้งความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันกษัตริย์กับทหาร เขาบอกว่าเขารู้สึกไม่ปลอดภัยเพราะรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกติดตามอยู่ในพนมเปญมาหลายเดือนแล้ว“
ซึ่งก่อนหน้าที่เขาจะถูกอุ้มหายตัวไปนั้น เขาได้โพสต์วีดีโอเสียดสีล้อเลียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งแทบจะเป็นสิ่งที่พบเห็นเป็นประจำทั่วไปตามโซเชี่ยลมีเดียในประเทศไทย
จรัล ดิษฐาอภิชัย ประธานสมาคมนักประชาธิปไตยชาวไทยไร้พรมแดน หนึ่งในผู้เห็นต่างจากรัฐบาลที่ตอนนี้อาศัยอยู่ที่ปารีส ได้ให้สัมภาษณ์ว่า
“การอุ้มหายตัวไปของวันเฉลิม ก็เหมือนการเชือดไก่ให้ลิงดู ซึ่งลิงในที่นี้ก็คือพวกเรา กลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ลี้ภัยในยุโรป“ เขากล่าวต่อว่า “ที่ปรึกษาของกษัตริย์ต้องการให้พวกเขารับผิดชอบต่อการประท้วงต่อต้านสถาบันกษัตริย์ที่เกิดขึ้นในเยอรมัน แต่พวกเราเป็นเหมือนทหารผ่านศึกที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและอาศัยอยู่ในยุโรป ซึ่งการจะโจมตีพวกเรามันยากและเสี่ยงกว่าการโจมตีนักกิจกรรมที่ยังอยู่ในเอเชีย“
โรงแรมหรูในแคว้นบาวาเรีย ที่ถูกเช่าเป็นแรมปีโดยกษัตริย์ไทย ตกเป็นเป้าหมายในการประท้วง และจัดกิจกรรมหลายอย่างตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม โดยองกรณ์อิสระอย่าง PixelHelper ซึ่งเป็นเครือข่ายของกลุ่มศิลปินนักกิจกรรม หนึ่งในกิจกรรมนั้นก็คือการฉายแสงโปรเจ็คเตอร์ไปบนกำแพงหน้าโรงแรมเป็นรูปภาพและข้อความทั้ง ภาษาไทย อังกฤษ และเยอรมัน โดยหนึ่งใจความนั้นกล่าวว่า “เมืองหลวงของประเทศไทยไม่ใช่กรุงเทพฯอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นมิวนิคต่างหาก“
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมหลังจากเกิด แฮชแทค #กษัตริย์มีไว้ทำไม ที่กลายเป็นกระแสในโซเชี่ยลมีเดียในช่วงสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เมื่อชาวไทยต่างรู้ข้อเท็จจริงที่ว่า ตัวกษัตริย์นั้นอาศัยอยู่ในประเทศเยอรมันมาโดยตลอดในช่วงวิกฤติโควิด19
จรรยา ยิ้มประเสริฐ นักเคลื่อนไหวและลี้ภัยทางการเมืองในยุโรป ผู้ร่วมงานกับ PixelHelper ได้อธิบายว่า
“พวกเราทราบดีว่ากษัตริย์โกรธมากต่อการทำกิจกรรมเหล่านี้ของพวกเรา แต่เชื่อว่ามันไม่ใช่สาเหตุของการที่วันเฉลิมถูกอุ้มหายตัวไป“ “นับตั้งแต่ปี 2559 มีการอุ้มหายตัวไปของเหล่าผู้ลี้ภัยทางการเมืองแบบนี้ทุกๆปี เนื่องจากมันมีแผนอย่างเป็นระบบของรัฐบาลและสถาบันฯที่ต้องการจะกำจัดนักวิจารณ์อยู่แล้วไม่ว่าจะมีการประท้วงเช่นนี้หรือไม่ก็ตาม“