นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475
กษัตริย์ไทยต่างก็ไม่ยอมรับระบอบประชาธิปไตย
กษัตริย์รัชกาลที่ 7 รัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10
แสดงตัวเป็นปฏิปักษ์กับระบอบประชาธิปไตยอย่างชัดเจน
ด้วยการอุดหนุนในการทำรัฐประหารในนาม “เพื่อปกป้องสถาบันฯ” มาโดยตลอด
กษัตริย์รัชกาลที่ 10
ไม่เคยทำอะไรที่เป็นคุณงามความดีต่อชาติและประชาชนเลย
นอกจากพลาญสมบัติของชาติ และทำลายชื่อเสียงความดีงามของชาติและของคนไทย
กษัตริย์รัชกาลที่ 10 จึงอยู่ด้วยความหวาดระแวงตลอดเวลาว่าจะถูกประชาชนลุกโค่นล้ม
จึงต้องยึดกองกำลังทหารจากกองทัพบก ให้มาอยู่ในการกำกับของตัวเองหลายหมื่นนาย เพื่อเป็นเกราะป้องกันตัวเองจากประชาชน
นับตั้งแต่เป็นมกุฎราชกุมาร จนขึ้นครองราชย์
ในฐานะประมุขของราชอาณาจักรไทย
พระราม 10 หรือรัชกาลที่ 10 ไม่เคยสนใจใยดีปัญหาในชาติบ้านเมือง
มิหนำซ้ำ กษัตริย์ในฐานะ “ผู้ทรงคุณธรรม” ยังมีพฤติกรรมละเมิดสิทธิมนุษยชนคนในครอบครัวและทหารและคนรับใช้ใกล้ชิด รวมทั้งคนที่วิจารณ์กษัตริย์เป็นจำนวนมาก หลายคนถึงขั้นเสียชีวิต
ในฐานะประมุขของประเทศ กษัตริย์ไทย กลับใช้ชีวิตกว่า 80% อยู่นอกราชอาณาจักร โดยได้ใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟื่อยอยู่เยอรมันและยุโรปปีละกว่า 10 เดือนกับบรรดาสนมและผู้ดูแลกว่า 300 ชีวิต
โดยพลาญงบประมาณของชาติทิ้งเล่นเดือนละหลายร้อยล้านบาท
เมื่อกลับมาเมืองไทย ก็พลาญงบประมาณครั้งละหลายร้อยล้านบาท ไปให้รัฐบาลจัดฉากสร้างภาพราชอาณาจักรที่รุ่งเรือง ด้วยการจัดงานแปะทองปลอมทั่วเส้นทางที่เสด็จผ่าน เพื่อจะอยู่ในมโนภาพต่อไปว่าราชอาณาจักรไทยนั้นรุ่มรวยและอร่ามทอง
กว่า 2 ปีนับตั้งแต่ขึ้นครองราชย์ ประเทศไทยอยู่ในวิกฤติมากมาย ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ ความวุ่นวายในสังคม และ ณ ปัจจุบันวิกฤติโรคระบาดที่ทั่วโลกพากันหวาดหวั่น
แต่กษัตริย์ไทยไม่เคยนำพา ไม่เคยมีพระราชสาส์นต่อประชาชน และยังคงวุ่นวายอยู่กับการถอดยศ-เลื่อนยศ ให้กับนายทหารและตำรวจใกล้ชิดอยู่ต่อไป อย่างไม่สนใจใยดีต่อความทุกข์สุขของประชาชน
มันถึงเวลาที่จะมีการส่งข้อความถึงกษัตริย์รัชกาลที่ 10 อย่างเปิดเผย ว่าคนไทยต้องการยกเลิกระบอบกษัตริย์ Abolish of the Monarchy in Thailand.
เพราะคนไทยไม่มีเวลาเสียโอกาสการเดินหน้าพัฒนาประเทศได้อีกต่อไปแล้ว และจริงๆ แล้ว คนไทยก็ติดลบโอกาสไปหลายสิบปี ในการพยายามประนีประนอมกับวิถีกษัตริย์ไทย
#ยกเลิกระบอบกษัตริย์
#ปักหมุดระบอบประชาธิปไตยของประชาชน_โดยประชาชน_เพื่อประชาชน