ข่าวแปล: เหตุใดการประท้วงจำนวนมากในเยอรมนีจึงเป็นการประท้วงที่ต่อต้านการพักแรมของกษัตริย์ไทยในเทือกเขาแอลป์

29 พฤษภาคม 2563

แปลโดย แมงป่องพิษ

Indian Express: Explained: Why protests many in Germany are protesting against Thailand king’s sojourn in Alps

เหตุใดการประท้วงจำนวนมากในเยอรมนีจึงเป็นการประท้วงที่ต่อต้านการพักแรมของกษัตริย์ไทยในเทือกเขาแอลป์

นักวิจารณ์หลายคนได้ประณามกษัตริย์มหาวชิราลงกรณ์เพราะไม่สามารถแสดงความเป็นผู้นำและความรับผิดชอบในเวลาที่ไม่เพียง แต่ในสภาวะวิกฤติ​ด้านสาธารณสุขของประเทศเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับ​ผลเศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับการกระทบอย่างหนัก

(ใต้รูป)​ ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่ากษัตริย์องค์ปัจจุบันของไทยยังไม่ได้รับความเคารพจากคนในประเทศอย่างมาก​ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการกระทำของเขาที่หลายคนเชื่อว่าไม่เหมาะกับพระมหากษัตริย์  (AP / แฟ้ม)

กษัตริย์​มหาวชิราลงกรณ์แห่งประเทศไทยได้อาศัยอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในรัฐบาวาเรียเขตเทือกเขา​แอลป์ของเยอรมนี​นับตั้งแต่มีการระบาดของ COVID-19 แพร่กระจายไปยังประเทศไทยในเดือนมีนาคม  อย่างไรก็ตามการเข้าพักของกษัตริย์ไทยเพื่อการพักผ่อนที่หรูหราไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์ที่บ้านเกิดและในเยอรมนี

ตามรายงานในประเทศไทยและสำนักข่าวสำคัญในประเทศเยอรมนีกล่าวว่า​ กษัตริย์มหาวชิราลงกรณ์ได้มีผู้คนแวดล้อมอย่างน้อย 100 คนและในฮาเร็มอีกจำนวน 20 คนและยังได้ละเมิดกฎหมายสาธารณสุขเกี่ยวกับ COVID-19 ซึ่งประชาชนทั่วไปต้อง​ปฏิบัติตาม  ในขณะที่การวิพากษ์วิจารณ์ราชวงศ์ในประเทศ​ไทยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย​ แต่การกระทำที่ไม่เหมาะสมของพระมหากษัตริย์เป็นสาเหตุของความอับอายขายหน้าสำหรับหลาย ๆ คนในประเทศไทย​

เหตุใดจึงมีการประท้วงต่อกษัตริย์ของไทยในประเทศเยอรมนี

ในเดือนมีนาคมอาจารย์​ด้านประวัติศาสตร์ไทยและนักวิจารณ์ที่ถูกเนรเทศ​ นายสมศักดิ์​ เจียมธีรสกุล​ ได้ทวีตรูปภาพเส้นทางการบินที่กษัตริย์นำไปใช้เดินทางในเยอรมนีโดยมีคำบรรยายใต้ภาพว่า “กษัตริย์มีไว้ทำไม”  ภาพถ่ายดังกล่าวถูกเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ของไทยเป็นเวลาหลายสัปดาห์โดยมีหลายคนวิจารณ์การกระทำของกษัตริย์อย่าง​กว้าง​ขวาง

นักวิจารณ์หลายคนประณามกษัตริย์ที่ล้มเหลวในการแสดงความเป็นผู้นำและความรับผิดชอบในเวลาที่ไม่เพียงแต่การสาธารณสุขของประเทศมีปัญหา​ แต่ภาคเศรษฐกิจของประเทศก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักอีกด้วย​ เพราะ COVID-19 ทำให้นักท่องเที่ยวหายไป​ เนื่องจากไทยพึ่งพาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว​ที่มีสัดส่วนใน​ GDP ประมาณร้อยละ 20 ของประเทศ

ในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคมนักกิจกรรมไทยและเยอรมันประท้วงต่อต้านกษัตริย์ไทยนอกโรงแรมแกรนด์ซอนเนนบิชในบาวาเรียที่ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงพำนักอยู่กับผู้ติดตาม  นักกิจกรรมยังส่งข้อความด้วยการฉายไฟไปยังด้านนอกของโรงแรมด้วยคำว่า  “ ทำไมประเทศไทยถึงต้องการกษัตริย์ที่อาศัยอยู่ในเยอรมนี”  ต่อมาการประท้วงก็เกิดขึ้นหลายวันต่อมานอกสถานทูตไทยในกรุงเบอร์ลิน

การประท้วงเหล่านี้ทำให้เกิดการถกเถียง​กันอย่างกว้างขวางในผู้ใช้โซเชียลมีเดียของไทยในหลาย ๆ แพลตฟอร์ม  แม้ว่าโรงแรมจะยังไม่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับกษัตริย์และคณะผู้ติดตามของเขา  เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นให้เหตุผลการเข้าพักของกษัตริย์โดยกล่าวว่าเป็นกลุ่มคนกลุ่มเดียวที่​ “ไม่วุ่นวาย”

นับตั้งแต่เกิดการระบาดของ COVID-19 การบินไทยซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของประเทศได้ระงับเที่ยวบินทั้งหมดไปยังยุโรป  แต่ข้อยกเว้นที่น่าสังเกตคือเส้นทางมิวนิคและซูริคซึ่งนักวิจารณ์กล่าวว่าเป็นเพราะสถานที่ดังกล่าว​เป็น​ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมของกษัตริย์ไทยสำหรับการเดินทางของเขาพร้อมผู้ติดตามซึ่งมักจะรวมถึงผู้หญิงของเขา

พระมหากษัตริย์​ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าละเมิดกฎการปลดล็อคของประเทศไทยเมื่อต้นเดือนเมษายนเมื่อเขาหยุดพักร้อนที่เยอรมนีและเดินทางกลับกรุงเทพฯเพื่อเดินทางไปกลับและอนู่ในประเทศ​ไทยด้วยเวลาที่น้อยกว่า​24 ชั่วโมง  ผู้สังเกตการณ์เชื่อว่ากษัตริย์จำเป็นต้องกลับมาเพราะเขาจำเป็นต้องเข้าร่วมพิธีในวันจักรี​ซึ่งเป็นวันก่อตั้งราชวงศ์ของเขา

กษัตริย์ที่บินกลับมาที่เยอรมนีใน 24 ชั่วโมงต่อมา​ได้กระตุ้นให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์บนสื่อสังคมออนไลน์ของไทยด้วย hashtag ที่ว่า #กษัตริย์​มีไว้ทำไม​ ได้กลายเป็นหนึ่งในแนวโน้มอันดับต้น ๆ ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย  ล่าสุดนั้นได้วาดภาพกษัตริย์​บนจักรยานใกล้กับโรงแรมโดยมีหญิงสาวที่ไม่รู้จักบนจักรยานอีกคันหนึ่งอยู่ใกล้เขา

กฎหมายของประเทศไทยว่าอย่างไรเกี่ยวกับการวิพากษ์วิจารณ์ราชวงศ์ไทย

กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของประเทศไทยทำให้การหมิ่นประมาทดูหมิ่นหรือคุกคามกษัตริย์พระราชินีและทายาทเป็น​การกระทำความผิดทางอาญา  อย่างไรก็ตามมีการใช้กฎหมายในวงกว้างรวมไปถึง​สมาชิกคนอื่น ๆ ของราชวงศ์ไทย  นักวิจารณ์กล่าวว่ากฎหมายเหล่านี้ถูกใช้ในทางที่ผิดโดยราชวงศ์เพื่อปิดการวิจารณ์และเรียกร้องให้รับผิด​ กฎหมายดังกล่าวยังถูกนำมาใช้เพื่อจับกุมและดำเนินคดีทางอาญาต่อชาวต่างชาติผู้ซึ่งมีความสำคัญต่อการวิพากษ์​วิจารณ์​ราชวงศ์ของไทยอีกด้วย

แม้จะมีกฎหมายที่รุนแรงเหล่านี้ แต่ก็ยังมีความไม่พอใจเพิ่มขึ้นในหมู่คนรุ่นใหม่ในประเทศไทยที่ไม่ได้มองราชวงศ์ด้วยความเคารพเช่นเดียวกับพ่อแม่หรือปู่ย่าตายายของพวกเขา​ แต่ยังเรียกร้องถึงราชวงศ์เพราะ​การกระทำที่พวกเขาเชื่อว่าไม่เหมาะสม​ และสื่อสังคมออนไลน์เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมสำหรับการวิจารณ์กษัตริย์

สิ่งที่เริ่มต้นจากการวิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์ในการกระทำของเขาในช่วง COVID-19 กลายเป็นคำวิจารณ์ของราชวงศ์โดยรวม  แม้ว่าพระราชวงศ์จะไม่ได้เผยแพร่แถลงการณ์ใด ๆ เพื่อแก้ต่างเกี่ยวกับปัญหานี้ แต่ในไม่ช้าหลังจากที่เกิดปัญหาขึ้นในโซเชียลมีเดียรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจดิจิทัลและสังคมของไทย​ นายพุฒิพงศ์​ ปุณณกันต์​ ได้กล่าวโดยนัยในทวีตเตอร์​ว่า​การโพสต์เนื้อหาที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศไทยจะมีผลตามมา​ถึงตัวผู้โพสต์

ทำไมถึงมีการวิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์ของไทย?

ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่าพระมหากษัตริย์ในปัจจุบันของประเทศไทยกษัตริย์มหาวชิราลงกรณ์ยังไม่ได้รับความเคารพอย่างกว้างขวางจากหลาย ๆ คนในประเทศส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการกระทำของเขาที่หลายคนเชื่อว่าไม่เหมาะกับพระมหากษัตริย์  มีการถกเถียงกันอย่างมากแม้กระทั่งก่อนที่เขาจะขึ้นครองบัลลังก์ในปี 2559

วิถีชีวิตอันแสนเกียจคร้านของกษัตริย์และการปฏิบัติต่อภรรยาและครอบครัวของเขาเป็นที่รู้จักกันดี​และเป็นเรื่องน่าหัวเราะ​ในประเทศไทยแต่ก็ไม่ได้ถูกเปิดเผยเนื่องจากกฎหมายหมิ่น​กษัตริย์​มีผลบังคับใช้  หนังสือพิมพ์ต่างประเทศที่รายงานเรื่องเหล่านี้พบว่าการเข้าถึงสิ่งพิมพ์ของพวกเขาถูกบล็อกในประเทศไทย  มีรายงานอีกว่ากลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ถูกสังหารในประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่พวกเขาหลบซ่อนตัวอยู่

ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่าอำนาจและอิทธิพลของมหาวชิราลงกรณ์อยู่เหนือทหารตำรวจและศาลยุติธรรมในประเทศไทย​ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาขึ้นครองบัลลังก์เป็นการโยกย้ายและจำกัดความรับผิดชอบของเขาที่อาจมีอยู่ในประเทศออกจากราชวงศ์โดยไม่มีผลกระทบร้ายแรงใด ๆ​ กับเขาอีกเลย

ผู้สังเกตการณ์ยังเชื่อว่าแม้ว่ากษัตริย์​วชิราลงกรณ์จะไม่ได้รับความนิยมเช่นเดียวกับที่กษัตริย์ภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพ่อของเขา แต่กษัตริย์องค์ปัจจุบันก็ไม่ได้สนใจความคิดเห็นของประชาชนเท่าที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับสิ่งใดก็ตามที่มีการจัดการโดยเฉพาะ​ภายใต้กฎหมายที่ชื่อ​ กฏหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ..