จัดทำจากเอกสารสไลด์และการไลฟ์ในรายการ คุยการเมืองกับจรรยา ยิ้มประเสริญ
เรื่อง “สงครามศึกชิงผัวระหว่างผู้หญิงของกษัตริย์วิปริต บ้ากาม” ที่ช่อง ACT4DEM เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2563
หลังจากที่หม่อมสุจาริณีและลูกถูกขับไล่ออกจากวังอย่างน่าอับอาย วชิราลงกรณ์ก็ไม่รอช้าที่จะเอาผู้หญิงอีกคนมาแทนที่ตำแหน่งวรชายา เช่นเคย ผู้หญิงที่เขายกย่องขึ้นมา ก็เป็นหญิงที่เขาคบหาอยู่ก่อนที่จะหย่าขาดจากภรรยาคนก่อน วชิราลงกรณ์ชอบผู้หญิงสวย และฉลาด แต่เหมือนจะเป็นคำสาป ผู้หญิงที่เขารักล้วนแต่มีประวัติฉาวโฉ่แทบทุกคน
หม่อมศรีรัศมิ์จากดินสู่ดาว
หม่อมคนใหม่ของวชิราลงกรณ์ ก็คือนังอี๊ดในจดหมายสนเท่ห์ที่เป็นสาเหตุให้หม่อมสุจาริณีและลูกทั้งห้ากระเด็นออกไปจากวังนั่นเอง เธอเปลี่ยนชื่อเป็นหม่อมศรีรัศมิ์ ด้วยใบหน้าสวย รูปร่างสง่างาม มีกิริยามารยาทที่ดูเป็นผู้ดี ทั้งยังขยันออกงานสังคม งานการกุศล หม่อมศรีรัศมิ์จึงกลายเป็นภรรยาของวชิราลงกรณ์ที่ได้รับความนิยมจากประชาชนที่สุด จะว่าไปแล้วตัวเธอเองก็เป็นที่ชื่นชอบของประชาชนมากกว่าตัววชิราลงกรณ์ด้วยซ้ำ
ศรีรัศมิ์นั้นเคยเป็นดิน ต้องทำงานเป็นนักร้องคาเฟ่ ถ่ายรูปนู้ดลงนิตยสารเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง บัดนี้ได้ชุบตัวกลายมาเป็นดาวจรัสแสง เธอได้รับการปฎิบัติเช่นเจ้า และยังเผื่อแผ่ไปถึงครอบครัวของเธอด้วย ทั้งพ่อแม่ พี่น้อง พี่เขย ล้วนแต่ได้รับอภิสิทธิ์ในการทำธุรกิจหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ตัวเธอเองก็ได้รับผลประโยชน์มากมายจากการเข้าไปเป็นองค์ประธานในมูลนิธิ องค์กรต่างๆ ซึ่งเงินเหล่านี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากงบประมาณแผ่นดินจากภาษีของประชาชนอีกที
ทั้งคู่มีพยานรักร่วมกันหนึ่งคนคือองค์ทีปังกร ผู้ซึ่งถูกคาดหวังให้เป็นองค์ชายรัชทายาท แต่ยิ่งองค์ทีโตขึ้น ทุกคนก็เห็นว่าเด็กชายคนนี้ไม่ปกติ เขาไม่อาจจะเป็นผู้สืบบัลลังก์คนต่อไปได้ แต่ทางวังก็ตีมึนและยังปล่อยให้องค์ทีดำรงตำแหน่งว่าที่รัชทายาทต่อไป หลังจากอยู่กินกับวชิราลงกรณ์มายี่สิบกว่าปี ฝ่ายชายก็เริ่มหมดสวาทในตัวศรีรัศมิ์
เมื่อวชิราลงกรณ์ต้องการจะหย่า เขาไม่เคยหย่าเงียบๆ ตั้งแต่การหย่ากับโสมสวลี เขาก็ออกประกาศประจานความไม่เหมาะสมของอดีตภรรยามาแปะรอบวัง ครั้งเมื่อหย่ากับสุจาริณีเขาก็ประกาศข้อหาคบชู้ ฉ้อโกง แถมด้วยการลงหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง
แต่การหย่ากับศรีรัศมิ์ผู้ที่เป็นมารดาของว่าที่รัชทายาท ไม่อาจจะทำให้ฉาวโฉ่เหมือนคนก่อนๆ ได้ เธอถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ขอสละฐานันดร ถูกแยกออกจากลูกชาย และตัวเธอก็ถูกขังเอาไว้ในบ้านไม่ให้ออกไปไหน มีภาพหลุดออกมาว่าบ้านที่เธออยู่นั้นมีสภาพที่แย่มาก และตัวเธอเองก็มีสภาพที่น่าเวทนา ส่วนญาติๆ ของเธอที่เคยยิ่งใหญ่คับประเทศ ก็ถูกจับเข้าคุกข้อหา 112
การหย่ากับศรีรัศมิ์นั้นเป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจให้ประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะเธออยู่กับวชิราลงกรณ์มานานจนทำให้วชิราลงกรณ์มีภาพลักษณ์ที่เป็นคนรักครอบครัวไปแล้วด้วยซ้ำ แต่เมื่อข่าวการหย่าเริ่มแพร่งพรายออกมา คนก็เริ่มซุบซิบกันอีกครั้งว่าคงไม่พ้นเรื่องผู้หญิงเป็นแน่
ราชินีมีปีก
ก่อนที่จะหย่าขาดกับศรีรัศมิ์ วชิราลงกรณ์ก็มีข่าวกับผู้หญิงมากหน้าหลายตา หนึ่งในผู้หญิงที่เขาหลงใหลมากก็คือนุ้ย หญิงสาวที่เขาพบเป็นครั้งแรกในขณะที่เธอทำงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินการบินไทย นุ้ยมีอายุเท่ากับลูกสาวคนโตของเขา เธอเป็นคน”อยู่เป็น” และวางตัวดี จากที่เห็นตัวอย่างของหม่อมคนก่อนๆ เธอจึงเลือกที่จะอยู่เงียบๆ และปล่อยให้เขามีผู้หญิงคนอื่นเข้ามาเรื่อยๆ
และฝันที่ไม่เคยฝันก็กลายเป็นจริง เมื่อวชิราลงกรณ์ได้ขึ้นครองราชย์ เขาก็จัดพิธีอภิเษกสมรสและแต่งตั้งให้เธอเป็นพระราชินีสุทิดา ในปีพ.ศ. 2562 เธอได้เข้ามาควบคุมหน่วยงานต่างๆ ที่เคยเป็นของสิริกิติ์โดยทันที และแน่นอนว่าหน่วยงานเหล่านี้ ก็ใช้เงินสนับสนุนจากภาษีประชาชน
แต่สำหรับชาวไทยผู้รักการซุบซิบเรื่องในพระราชสำนัก สุทิดาเป็นม้ามืดที่ขึ้นมาเป็นราชินี เพราะมีข่าวลือมาซักพักแล้วว่า วชิราลงกรณ์กำลังหลงผู้หญิงคนล่าสุดที่ชื่อว่า”ก้อย”
เจ้าคุณพระผู้ทำให้วังลุกเป็นไฟ
ก้อยได้รับความสนใจจากสื่ออย่างมาก เพราะความที่เป็นหญิงสาวสวยอายุน้อย แต่ได้รับการเลื่อนยศทหารอย่างรวดเร็ว ข้ามหน้าข้ามตาทหารในกองทัพไทย เมื่อมีคนขุดคุ้ยข้อมูลของก้อยมากขึ้น ก็พบว่าจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างก้อยและวชิราลงกรณ์เริ่มขึ้นในตอนที่เธอเข้ามาเป็นพยาบาลดูแลองค์ที
เพียงสองเดือนหลังจากงานอภิเษกสมรสระหว่างวชิราลงกรณ์กับราชินีสุทิดา แผ่นดินไทยก็ลุกเป็นไฟอีกครั้งเมื่อมีประกาศแต่งตั้ง “เจ้าคุณพระสินีนาฎ” อันเป็นตำแหน่งของสนมเอกที่ไม่เคยมีใครได้รับตั้งแต่หลังสมัยรัชกาลที่ห้า คนที่เคยได้ยินเรื่องของก้อยอยู่แล้วก็อุทานว่า “นอทเซอร์ไพรส์” หรือ ไม่แปลกใจเลย เพราะเธอคนนี้ต่างหากที่เป็นตัวเก็งตำแหน่งราชินี ทั้งนี้พฤติกรรมการแต่งตั้งเมียน้อยอย่างเป็นทางการนั้นแทบจะเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ในสังคมปัจจุบัน เหตุการณ์นี้จึงกลายเป็นที่โจษจันไปทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศตะวันตกที่รังเกียจแนวคิดผู้ชายหลายเมีย
หลังจากที่ก้อยดำรงตำแหน่งเจ้าคุณพระเพียงสองเดือนเธอก็ตกสวรรค์ มีข่าวลือหนาหูว่าเธอไปมีเรื่องกับองค์ภา ลูกสาวคนโตของวชิราลงกรณ์ และก็ไม่น่าแปลกใจที่เธอถูกกล่าวหาว่าอิจฉาริษยาพระราชินี ก้อยถูกปลดออกจากตำแหน่ง ยึดทรัพย์สินที่ได้รับพระราชทาน และถูกส่งเข้าคุก โดยเรื่องราวทั้งหมดถูกพิมพ์ลงในประกาศจากทางวัง
เนื้อหาในประกาศนั้นราวกับเป็นส่วนหนึ่งที่ตัดมาจากนิยายประโลมโลก ชาวประชาที่ได้อ่านถึงกับต้องยกมือทาบอกแล้วอุทานว่า “ต้องเล่าละเอียดขนาดนี้เลยหรือ นี่มันประจานกันชัดๆ” แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก
ฉาวโฉ่ไปทั้งโลก
การแต่งตั้งและปลดนางสนมเอกออกจากตำแหน่งภายในเวลาเพียงสองเดือนนี้ ได้กลายมาเป็นสปอตไลท์ที่ส่องให้สื่อทั่วทั้งโลกยิ่งสนใจราชสำนักไทย ไม่ใช่เพียงเพราะเรื่องผัวเมีย แต่เป็นการตั้งคำถามว่าทำไมคนคนหนึ่ง ถึงมีอำนาจสั่งให้อีกชีวิตจะรุ่งหรือจะร่วงก็ได้ตามใจชอบ โดยที่ไม่ต้องมีกฎหมายใดๆ รองรับ
เรื่องราวเหล่านี้ได้รับการตีพิมพ์ไปทั่วโลก และมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลายในสื่อออนไลน์ แต่ข่าวเหล่านี้ก็ถูกปิดกั้นจากรัฐบาลไทยไม่ให้คนไทยในประเทศได้รับรู้ มีความพยายามอย่างหนักที่จะตามลบข้อมูลเหล่านี้ด้วย ดังที่นักกิจกรรมประชาธิปไตย จรรยา ยิ้มประเสริฐ ได้รับการแจ้งเตือนจาก Facebook ว่าทางการไทยขอให้บล็อคข่าวเหล่านี้ไม่ให้เข้าถึงได้จากประเทศไทย (geo-blocking)
ความพยายามที่จะปิดบังควันไฟของทางการไทยนั้น ที่แท้แล้วเป็นความพยายามที่โง่เขลา ไร้ประโยชน์ เพราะเรื่องฉาวโฉ่เหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการนั่งเทียนเขียนข่าวของคนที่อยู่นอกประเทศไทย หากแต่เป็นทางวังเองที่ออกมาแฉตัวเอง ทั้งเรื่องพิธีแต่งตั้งเจ้าคุณพระ และเรื่องการปลดออกจากตำแหน่ง
และล่าสุดที่เป็นประเด็นร้อนก็คือการคืนตำแหน่งให้เจ้าคุณพระก้อย โดยใช้คำว่า “มิได้เป็นผู้มีมลทินมัวหมอง” ซึ่งชาวไทยทุกคนที่ยังพอจะมีสมองอยู่บ้างได้อ่านแล้วก็ต้องหัวเราะอย่างสมเพช ที่ตัวเองนั้นมาเกิดอยู่ในประเทศที่บอกว่ากาเป็นหงส์ เฮโรอีนเป็นแป้ง โคเคนเป็นยารักษาฟัน พัทยาไม่มีโสเภณี เราก็ต้องเชื่อ
ภาษีกับฮาเร็ม
เรื่องราวความรักของวชิราลงกรณ์นั้น เมื่อพิจารณาโดยเนื้อแท้แล้ว ก็เป็นชีวิตของคนแก่บ้ากาม บ้าตัณหาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่น่าจะมีอะไรให้สนใจหากเขาเป็นเพียงเศรษฐีธรรมดาคนหนึ่ง แต่เมื่อเขาได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ของประเทศไทย ค่าใช้จ่ายที่เอามาปรับปรุงพระราชวัง ค่าเลี้ยงดูทหารที่คุ้มกันเขา พี่น้องเขา ลูกเขาที่มีเป็นโหล และบรรดาเมียๆ ที่อาจจะนับแล้วเป็นร้อยชีวิต ค่ากินอยู่ เดินทางไปกลับไทย เยอรมนี สวิสเซอร์แลนด์ ของตัวเขา ของเมียๆ ทั้งหลาย คนรับใช้ ทหารรักษาพระองค์ ล้วนแต่ถูกระบุเอาไว้ในเอกสารงบประมาณแผ่นดิน
ชาวไทยที่กำลังทุกข์เข็ญ เราต้องเจอทั้งสภาพอากาศเป็นพิษ น้ำท่วม น้ำแล้ง เศรษฐกิจตกต่ำ โรคระบาด รัฐบาลเผด็จการที่สนใจแต่แย่งชิงผลประโยชน์ในสภา แต่ก็ยังต้องขูดเลือดของเรามาปรนเปรอครอบครัวปรสิตอีกหรือ
เราขอจบซีรี่ยส์ภาษีในฮาเร็มเหม็นคาวไว้เพียงเท่านี้ สำหรับคนที่ยังสงสัยว่ากษัตริย์ไทย และบรรดาเมียๆ ของเขาเสวยสุขโดยใช้ภาษีประชาชนจริงหรือ ขอให้ติดตามชมซีรี่ยส์ “เปิดงบสถาบันกษัตริย์ by ACT4DEM”