ข่าวแปล Spiegel: กษัตริย์ผู้ไม่เคยอยู่ในประเทศของตน

เหตุการณ์ประท้วงในประเทศไทย

กษัตริย์ผู้ไม่เคยอยู่ในประเทศของตน

ในเวลานี้เกิดการประท้วงในประเทศไทย และเป็นครั้งแรกที่มีวิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์ไทยอย่างเปิดเผย แม้ว่าบทลงโทษของการวิจารณ์กษัตริย์ในไทยจะรุนแรงมากก็ตาม นี่เป็นเพราะว่าเยาวชนคนรุ่นใหม่ของไทยทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว พวกเขาทนมามากพอแล้วกับการที่ประเทศถูกผู้ที่ได้ชื่อว่ากษัตริย์ทอดทิ้งให้เผชิญกับวิกฤตการณ์เพียงลำพัง

โดย คัทริน คุนทซ์
9 สิงหาคม 2563 11 นาฬิกา 13 นาที
Foto: DIEGO AZUBEL/EPA-EFE/Shutterstock
คณะรัฐบาลต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ของกษัตริย์ไทย : ความนิยมในสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่เคยตกต่ำเช่นนี้มาก่อน DIEGO AZUBEL/EPA-EFE/Shutterstock

เหล่านักศึกษามารวมตัวกันในชุดตามแบบหนังเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ เพื่อต่อต้านอำนาจเผด็จการในประเทศของตน ผู้ชุมนุมราว 200 คนแต่งกายเป็นผู้วิเศษ หรือพ่อมดมารวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเมืองหลวงของประเทศ ดูเหมือนว่าพวกเขาพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศด้วยเวทมนตร์คาถา

นับเป็นเวลาสองสัปดาห์แล้ว ที่เหล่าเยาวชนคนรุ่นใหม่ของประเทศร่วมชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่หนุนหลังด้วยกองทัพ และเหล่าชนชั้นนำจากราชวงศ์เกือบทุกวัน พวกเขาเรียกร้องว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันและอดีตหัวหน้าคณะปฎิวัติทหารเป็นตัวการบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตย

เขาใช้กำลังเข้าจัดการกับผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างรุนแรง และยังคงละโมบโลภมากขยายอำนาจของตนในช่วงที่ประเทศต้องเผชิญกับวิกฤติโรคระบาด ความนิยมในรัฐบาลกำลังตกต่ำลงเรื่อยๆ และผู้ชุมนุมก็กำลังเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกจากตำแหน่ง

Foto: Lauren DeCicca/ Getty Images
ภาพการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในกรุงเทพฯ เมื่อต้นเดือนสิงหาคม: เราหมดความอดทนกับกษัตริย์แล้ว Lauren DeCicca/ Getty Images

 

ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยในการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาก็คือ การที่นักปราศรัย 6 คนในการประท้วงรัฐบาล ได้ขึ้นปราศรัยโดยเรียกร้องให้มีการลดพระราชอำนาจของกษัตริย์มหาวชิราลงกรณ์ และเรียกร้องให้เกิดการปฎิรูปกฎหมายที่มอบอำนาจให้กษัตริย์โดยไม่มีขอบเขต พวกเขากล่าวว่าทางวังนั้นนิ่งเฉย ไม่ทำอะไรเลย ในขณะที่ปล่อยให้รัฐบาลที่ถูกชักใยจากทหารเข้ามายึดครองประเทศ

เกมอำนาจที่วังและทหารเกื้อกูลกัน

สถาบันกษัตริย์และรัฐบาลในประเทศไทยเวลานี้มีความใกล้ชิดเกี่ยวเนื่องกันอย่างสูง นับตั้งแต่ที่วชิราลงกรณ์ขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2559 พระมหากษัตริย์ไทยก็ได้ขยายขอบเขตพระราชอำนาจของตนด้วยการสนับสนุนของรัฐบาล ในทางกลับกัน รัฐบาลก็ได้รับผลประโยชน์จากทางวังที่สนับสนุนความชอบธรรมของทหารที่ลงมายุ่งวุ่นวายกับการเมือง เยาวชนคนรุ่นใหม่ชาวไทยที่รู้ทันถึงประชาธิปไตยจอมปลอมนี้ จึงลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลหุ่นเชิด

คนรุ่นใหม่ล้วนไม่พอใจที่กษัตริย์ไทยแทบจะไม่ได้ใช้เวลาในแผ่นดินที่ตัวเองปกครอง มิหนำซ้ำ การที่เขาหายไปในช่วงวิกฤตการณ์โรคระบาดโคโรน่า ยิ่งทำให้ผู้คนเห็นชัดเจนขึ้นว่า กษัตริย์ไทยผู้นี้ไม่ใยดีต่อความเดือดร้อนของปวงประชา

ทว่าการวิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์ ดังเช่นที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นมีความสุ่มเสี่ยงอยู่มาก เนื่องด้วยกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้นมีโทษจำคุกสูงสุดถึง15 ปี เป็นที่น่าสังเกตุว่าถึงแม้จะมีตำรวจเข้าควบคุมสถานการณ์ แต่ในตอนแรกก็ยังไม่มีการจับกุมตัวผู้ประท้วง เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลแถลงว่าได้มอบอำนาจการตัดสินใจให้ตำรวจว่าจะควบคุมผู้ชุมนุมอย่างไร และอนุญาตให้ผู้ชุมนุมได้มีพื้นที่แสดงความคิดเห็น ในเวลานั้น เหล่าผู้มีอำนาจในยังไม่มีท่าทีกังวลต่อสถานการณ์ แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าความคับแค้นของผู้ชุมนุมกำลังทบทวีเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดีรัฐบาลแสร้งแสดงท่าทีโอนอ่อนผ่อนปรนได้ไม่นานนัก เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็เกิดการจับกุมตัวนักปราศรัยคนแรก

 

วาทกรรม “ชังชาติ”

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้บังคับบัญชาทหารสูงสุดของไทยได้กล่าวถึงโรค “ชังชาติ” ว่าเป็นภัยร้ายแรงกว่าโคโรน่าไวรัส เพราะไวรัสนั้นยังรักษาให้หายได้ แต่อาการชังชาติ (ที่หมายถึงการวิพากษ์วิจารณ์ประเทศของตน) นั้นรักษาไม่หาย

Foto: ATHIT PERAWONGMETHA/ REUTERS
การประท้วงต่อต้านรัฐบาลของประยุทธ์ จันทร์โอชา: ไม่เอาอีกแล้วประชาธิปไตยจอมปลอม ATHIT PERAWONGMETHA/ REUTERS

การประท้วงต่อต้านกษัตริย์และรัฐบาลไทยครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังอ่อนแอ ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อโคโรน่าไวรัสในไทยราว 3,300 ราย ซึ่งนับเป็นจำนวนที่ถือว่าน้อย แต่สภาพเศรษฐกิจกลับพังทลายไม่มีชิ้นดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยวซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญของประเทศต้องหยุดชะงักลง ผู้คนหลายล้านต้องตกงาน และไม่นานมานี้ก็ปรากฎรายงานในสื่อไทยว่ามีการฆ่าตัวตายของผู้คนที่สิ้นหวังกับชีวิตเป็นจำนวนมาก

ดร. Paul Chambers ที่ปรึกษาพิเศษฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ให้ความเห็นว่า “ชาวไทยที่ต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริงกำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้น” ทางวังมี ”อำนาจโดยตรงในการควบคุมทหาร และรัฐบาล” ในขณะเดียวกันก็เมินเฉยต่อ ”ความผุพังของระบอบประชาธิปไตย” เพราะเหตุนี้เอง เหล่าผู้ประท้วงจึงกล้าที่จะลุกขึ้นมาชุมนุมเพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาต่อต้านการเล่นเกมอำนาจระหว่างวังและรัฐบาล และต้องการทวงคืนประชาธิปไตยที่แท้จริง

Chambers กล่าวว่า “ความโกรธแค้นเพิ่มขึ้นตามมาหลังจากความพ่ายแพ้หลายต่อหลายครั้งของฝ่ายประชาธิปไตย “ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 เมื่อพรรคอนาคตใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนจากคนรุ่นใหม่ที่ตาสว่าง ถูกยุบพรรคด้วยเหตุผลทางกฎหมายที่น่าเคลือบแคลง”

ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ระหว่างที่เกิดการระบาดของไวรัสโคโรน่า “รัฐบาลได้ฉวยโอกาสเพิ่มอำนาจในการควบคุมประชาชน ทั้งที่พวกเขากำลังเรียกร้องเสรีภาพเพิ่มขึ้น”

Foto: ATHIT PERAWONGMETHA/ AFP
กษัตริย์มหาวชิราลงกรณ์เยือนไทยในเดือนเมษายน 2563: ทริปไปกลับกรุงเทพฯ-ยุโรปภายใน 24 ชั่วโมง ATHIT PERAWONGMETHA/ AFP

ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 นายวันเฉลิม ศักดิ์สิทธิ์ อดีตผู้วิจารณ์รัฐบาลที่ลี้ภัยอยู่ในกัมพูชาได้หายตัวไป ก่อให้เกิดกระแสความโกรธแค้นไปทั่วประเทศ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะมีข่าวการไล่ล่าผู้วิจารณ์รัฐบาลและกษัตริย์ทั้งในและนอกประเทศมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อไม่นานนักก่อนหน้านี้ ผู้ต่อต้านชาวไทย 3 คนหายตัวไปในประเทศลาว และถูกพบเป็นศพในแม่น้ำโขง เป็นที่เชื่อกันในกลุ่มผู้วิจารณ์สถาบันว่า กษัตริย์วชิราลงกรณ์มีอำนาจเหนือทั้งทหาร ตำรวจ และตุลาการ ดังที่หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า กษัตริย์ไทยเลือกที่จะปกครองด้วย”การข่มขู่คุกคาม” และ “ประเทศไทยจะเป็นราชอาณาจักรภายใต้ความหวาดกลัว”

 

การไม่อยู่ในประเทศยิ่งกระตุ้นความไม่พอใจ

หลังจากการหายตัวไปของวันเฉลิม ผู้ประท้วงนับพันคนออกมาเรียกร้องให้ “คณะรัฐมนตรีลาออก ยุบสภา และร่างรัฐธรรมนูญใหม่” ทว่าการวิจารณ์กษัตริย์อย่างเปิดเผยนั้นถือเป็นการยกระดับการต่อต้านที่มาไกลที่สุดในเวลานี้ “การต่อต้านประชาธิปไตยจอมปลอมกำลังเติบโตขึ้น”

กษัตริย์มหาวชิราลงกรณ์ในวัย 68 ปี อาจจะไม่รับรู้ถึงกระแสความไม่พอใจนี้ เพราะโดยมากแล้วเขาไม่ได้ใช้เวลาอยู่ในประเทศของตน เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในเยอรมนี โดยมีวิลล่าหรูริมทะเลสาบ Starnberg และโรงแรมหรูในเมืองตากอากาศ Garmisch-Patenkirchen เป็นที่พัก กษัตริย์ที่มีภาพจำว่ามีรอยสัก (ที่จริงแล้วเป็นรอยสักแบบสติกเกอร์ ซึ่งลอกออกได้ แต่ชาวเยอรมันส่วนมากเห็นภาพจากหลายๆ ข่าวที่เขามีรอยสักชั่วคราว จึงเข้าใจว่ากษัตริย์ไทยมีรอยสักใต้ร่มผ้าจริงๆ – ผู้แปล) และแต่งงานเป็นครั้งที่สี่ เป็นคนที่แปลกประหลาดและเพิกเฉยต่อสังคมภายนอก ชีวิตส่วนตัวอันฉาวโฉ่ของเขา บวกกับวิถีชีวิตอันสิ้นเปลือง และการควบคุมอำนาจทางการทหารในช่วงที่ประชาชนไม่พอใจกับการรัฐประหารนั้น เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนชาวไทยมาเนิ่นนาน

นับตั้งแต่การสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์ภูมิพลในปี 2559 วชิราลงกรณ์ได้ขยายอำนาจของตนภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ให้อำนาจในการบริหารทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์อย่างไรก็ได้ (ตามพระราชอัธยาศัย – ผู้แปล) นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 70 ปี ที่พระมหากษัตริย์ไทยมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการควบคุมทรัพย์สินของราชวงศ์ ซึ่งคิดเป็นจำนวนประมาณ 3 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ นอกจากนี้ กษัตริย์ยังมีกองกำลังทหารที่ขึ้นตรงต่อตัวเอง โดยรวบรวมเอานายทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีที่สุดไว้หลายพันคน ในค่ายทหารที่ตั้งอยู่ใกล้เมืองหลวง

 

Foto: Watcharawit Phudork/ imago images/ZUMA Wire
การประท้วงต่อต้านรัฐบาลในกรุงเทพฯ เมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2563: การยกระดับการชุมนุมที่มาไกลที่สุด Watcharawit Phudork/ imago images/ZUMA Wire

 

ในเดือนธันวาคม 2562 ข่าวของวชิราลงกรณ์ถูกนำไปพาดหัวข่าวบนสื่อทั่วโลก เป็นเรื่องที่เขาขับไล่นางสนมของเขาออกจากวัง และล่ำรือกันว่าเธอถูกขังอยู่ในคุกโดยที่ไม่มีใครพบเห็นเธออีก ทั้งนี้เขาก็ยังประกาศปลดข้าราชการในพระองค์ออกจำนวน 6 นาย โดยหนึ่งในนั้นเป็นคนใกล้ชิดของเขา ที่ถูกปลดด้วยข้อหาบังคับให้ชู้รักของคนผู้นั้นไปทำแท้ง

เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา กษัตริย์ไทยได้เข้าร่วมพระราชพิธีในกรุงเทพฯ โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดออกโดยรัฐ นอกจากนี้เขายังไม่ปฎิบัติตามกฎกักกันโรค และบินกลับยุโรปภายหลังจากที่เพิ่งจะมาถึงไทยไม่ถึง 24 ชั่วโมง

จากความไม่พอใจที่ก่อตัวมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ทำให้เกิดแฮชแท็ค “มีกษัตริย์ไว้ทำไม” ในโลกออนไลน์ และเป็นที่พูดถึงจนติดเทรนด์ทวิตเตอร์หลังจากที่เขาเดินทางมาถึงประเทศไทยได้ไม่นาน

ในระหว่างเดือนมีนาคม ที่เยอรมนี ในเมือง Garmisch-Patenkirchen วชิราลงกรณ์พำนักอยู่ที่โรงแรม “Grand Hotel Sonnenbichl” ซึ่งปิดให้บริการตามกฎการควบคุมโรคระบาดของรัฐบาลท้องถิ่น แต่วชิราลงกรณ์และผู้ติดตามกลับได้รับการอนุญาตพิเศษให้พำนักในโรงแรมได้

ในช่วงการควบคุมโรคระบาด กษัตริย์และคณะผู้ติดตามของเขายังคงปักหลักอยู่ในบาวาเรียใกล้เทือกเขาแอลป์ และในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แม้รัฐบาลไทยจะจัดพิธีเฉลิมฉลองวันครบรอบวันเกิดปีที่ 68 ให้เขา แต่เขาก็ไม่ใยดีที่จะกลับมาฉลองพิธีที่ชาวไทยคิดว่าสำคัญนี้ ทั้งนี้แล้วงานเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของวชิราลงกรณ์ กลับมีผู้ร่วมงานจำนวนมากที่มาไม่ใช่เพื่อจะเป่าเค้ก แต่มาเพื่อประท้วงต่อต้านเขา

ข่าวต้นฉบับ (ภาษาเยอรมัน) และที่มาของภาพประกอบ