DER SPIEGEL

ข่าวต้นฉบับ https://www.spiegel.de/politik/ausland/rama-x-inbayern-wie-wird-man-einen-koenig-los-a-7a12da8b-2894-4dd9-83cb-8bfd27162a87

วีซ่าเยอรมนีของกษัตริย์ไทยกำลังจะหมดอายุในเดือนพฤษภาคม

กษัตริย์ไทยจะมีวีซ่าอนุญาตให้พำนักอยู่ที่เยอรมนีได้จนถึงวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 จากเอกสารลับที่สำนักข่าว SPIEGEL ได้รับมา วีซ่าปัจจุบันของเขาอยู่ในประเภท “D” หมายเลข D063251737 ซึ่งอนุญาตให้เขาพำนักอยู่ในเยอรมนีในระยะยาวได้

เป็นเวลาหลายปีก่อนที่วชิราลงกรณ์จะขึ้นครองราชย์ในปี 2559 เขาได้รับวีซ่าดังกล่าวมา 8 ครั้ง โดยส่วนมากจะได้รับอนุญาตให้พำนักได้นานสองปี โดยทุกครั้งเอกสารดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากสถานทูตเยอรมันในกรุงเทพฯ โดยปรึกษากับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแอร์ดดิง

ร.10 ใช้เวลาส่วนมากตลอดทั้งปีอยู่ที่บาวาเรีย ที่ผ่านมาการขอต่ออายุวีซ่าของเขาดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่พิธีการ เพราะวีซ่าของเขาจะได้รับการอนุมัติทันทีในวันเดียวกับที่ใบสมัครถูกยื่นเข้ามา อย่างไรก็ตาม วชิราลงกรณ์สามารถเดินทางเข้าประเทศเยอรมนีได้อย่างถูกกฎหมายแม้ว่าจะไม่มีวีซ่า เนื่องจากเขามีฐานะเป็นประมุขของรัฐ เขาจึงได้รับสิทธิพิเศษนี้เช่นเดียวกับนักการทูตคนอื่นตามกฎหมายเยอรมัน

แต่ถึงกระนั้น รัฐบาลเยอรมันก็ยังสามารถดำเนินการทางกฎหมายกับ ร.10 หากเขาละเมิดกฎหมายของที่นี่ ในทางทฤษฎีแล้ว เยอรมนีสามารถปฎิเสธการให้วีซ่ากับใครก็ได้ แม้แต่กับกษัตริย์

เป็นเวลาหลายเดือนแล้วที่ผู้ประท้วงชาวไทยหลายหมื่นคน โดยมากเป็นเยาวชน ออกมาประท้วงเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย และการแก้รัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นโดยรัฐบาลทหาร ร.10 เองก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงการใช้ชีวิตอย่างสุรุ่ยสุร่าย ความประพฤติเชิงชู้สาว และความสัมพันธ์ของเขากับเหล่าทหาร กลุ่มผู้ประท้วงต้องการให้เขาจำกัดอำนาจของตนลงมาอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ และเริ่มตั้งคำถามต่อบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์

การวิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์นั้น เป็นเรื่องต้องห้ามในประเทศไทย โดยผู้ที่ดูหมิ่นกษัตริย์จะได้รับโทษสูงสุดคือการจำคุก 15 ปี รัฐบาลเยอรมันเองก็กำลังถูกกดดันอย่างหนักต่อคำถามถึงการให้ที่พำนักแก่กษัตริย์ไทย

เหนือสิ่งอื่นใด มันมีหลักฐานบ่งชี้มากมายที่แสดงว่าวชิราลงกรณ์ ได้ดำเนินการบริหารราชการแผ่นดินไทย ในขณะที่เขาอยู่ที่บาวาเรีย ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายของเยอรมนี อย่างไรก็ได้ วชิราลงกรณ์ในขณะนี้ อยู่ที่ประเทศไทย